ตามที่เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN : Thailand Pesticide Alert Network) ร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ ได้ดำเนินการสุ่มตรวจผัก 7 ชนิดซึ่งเป็นผักที่บริโภคกันทั่วไป โดยสุ่มเก็บจากผักที่ได้รับมาตรฐาน Q และผักตราห้าง (house brand)ที่ขายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่และซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆในเขตกรุงเทพมหานคร และพบว่าพืชผักดังกล่าวมีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินค่ามาตรฐาน[1]ถึง 6 ตัวอย่างจากจำนวนที่สุ่มเก็บมา 14 ตัวอย่าง หรือคิดเป็น 43% ของตัวอย่างทั้งหมด ซึ่งได้แถลงไปเมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2555 ที่ผ่านมานั้น
เครือข่ายไทยแพนและนิตยสารฉลาดซื้อยังได้สุ่มผักจำนวน 7 ชนิด ซึ่งประกอบไปด้วย กะหล่ำปลี คะน้า ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน ผักชี และพริกจินดา ที่ขายในตลาดสดทั่วไป 2 ตลาด ได้แก่ ตลาดห้วยขวาง และตลาดประชานิเวศน์ รวมถึงผักที่ขายในรถเร่ ไปวิเคราะห์หาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้าง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มออร์แกโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต ที่ห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ปรากฏผลดังต่อไปนี้
1.ผักในตลาดสดทั่วไปและรถเร่พบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินมาตรฐาน 38.1%
จากจำนวนตัวอย่างผักที่สุ่มตรวจจากตลาดห้วยขวาง 7 ตัวอย่าง ตลาดประชานิเวศน์หนึ่ง 7 ตัวอย่าง และจากรถเร่ 7 ตัวอย่าง พบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินมาตรฐานทั้งหมด 8 ตัวอย่างจากทั้งหมด 21 ตัวอย่าง หรือคิดเป็น 38.1 % ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผลการสุ่มตรวจผักที่มีตรามาตรฐาน Q ของกรมวิชาการเกษตรและผักที่ขายในห้างซึ่งพบว่ามีผักที่พบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินมาตรฐาน 43 % ทั้งๆที่ผักดังกล่าวมีราคาแพงมากกว่าผักที่ขายในตลาดสดตั้งแต่ 2-10 เท่า
ตารางแสดงผักที่มีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินค่า MRL ยุโรป แยกตามแหล่งที่ซื้อ
ชนิดผัก | ที่มา | ||||
Q | ตราห้าง | ตลาดห้วยขวาง | ประชานิเวศน์ | รถเร่ | |
ถั่วฝักยาว | / | / | / | / | |
ผักชี | / | / | / | / | |
คะน้า | / | / | |||
พริกจินดา | / | / | / | / |
2.ผักชี ถั่วฝักยาว พริกจินดา คือผัก 3 ชนิดที่มีสารพิษตกค้างมากที่สุด
- ถั่วฝักยาว พบสารตกค้างเกินมาตรฐาน 6 ชนิด ได้แก่ Acephate, Carbofuran, EPN, Ethion, Methomyl และ Omethoate เช่น ถั่วฝักยาวตราผักดอกเตอร์มี CarbofuranและMethomyl เกินค่ามาตรฐานยุโรป 3.5 และ 4 เท่าตามลำดับ ถั่วฝักยาวที่ได้จากห้างเทสโก้พระรามสองพบ Ethion เกินมาตรฐาน 5 เท่า ในขณะที่ถั่วฝักยาวที่ได้จากตลาดห้วยขวางพบ EPNเกินค่ามาตรฐานถึง 34 เท่า
- ผักชี พบสารตกค้างเกินมาตรฐาน 5 ชนิด ได้แก่ Carbofuran, Chlorpyrifos, EPN, Methidathion และ Methomy ที่น่าสนใจคือผักชีจากกูร์เมต์ มาร์เก็ต (สยามพารากอน) พบCarbofuran เกินค่ามาตรฐาน 37.5 เท่า ผักชีตลาดประชานิเวศน์ พบ Carbofuran เกิน 56.5 เท่า ในขณะที่ตลาดห้วยขวาง พบ EPN เกิน 102 เท่า
- พริกจินดา พบสารตกค้างเกินมาตรฐาน 2 ชนิด ได้แก่ Methidathion และ Triazophos โดยพริกจินดาจากรถเร่มี Methidathion ตกค้างสูงกว่าค่ามาตรฐานถึง 121 เท่า ในขณะที่พบจากตลาดห้วยขวางและประชานิเวศน์ประมาณ 5 เท่า
- คะน้า พบสารตกค้างเกินมาตรฐาน 2 ชนิด ได้แก่ Dicrotophos และ Methidathion โดยพบสารเคมี Dicrotophos ตกค้างมากที่สุดที่ตลาดห้วยขวาง โดยพบสูงกว่า 202 เท่าเทียบกับมาตรฐานของยุโรป
3.ผักบุ้งจีนปลอดภัยกว่าแต่กะหล่ำปลีและผักกาดขาวยังต้องเฝ้าระวัง
ผักที่ไม่พบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในกลุ่มออร์แกโนฟอสเฟตและคาร์บาเมตตกค้างเลย คือ ผักบุ้งจีน เนื่องจากเป็นผักที่มักมีศัตรูพืชน้อยกว่าผักประเภทอื่นๆ สำหรับกะหล่ำปลีและผักกาดขาวซึ่งเป็นผักที่มีความเสี่ยงในการพบสารเคมีตกค้างค่อนข้างมากนั้น ผลการสำรวจครั้งนี้ยังพบว่ามีการตกค้างน้อยกว่ามาตรฐานที่สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (มกอช.) และของสหภาพยุโรปกำหนดไว้ ซึ่งอาจเกิดจากช่วงที่สุ่มเก็บตัวอย่างนั้นยังไม่ใช่ฤดูกาลที่ศัตรูพืชของผักประเภทนี้ระบาดทำให้มีการใช้สารเคมีน้อยกว่าปกติ อย่างไรก็ตามสารที่พบก็เป็นสารที่มีอันตรายร้ายแรง คือ Carbofuran และ Methomyl แม้ไม่เกินค่ามาตรฐานแต่หากได้รับบ่อยๆก็จะสะสมในร่างกายจนก่อให้เกิดอันตรายได้
4.มีสารกำจัดศัตรูพืชที่ต้องเฝ้าระวังหรือห้ามใช้นอกเหนือจากวัตถุอันตรายร้ายแรง 4 ชนิด (Carbofuran, Methomyl, Dicrotophos และ EPN)
จากปริมาณสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ตกค้างชี้ให้เห็นว่า มีสารเคมีหลายชนิดที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค ซึ่งนอกจาก Carbofuran, Methomyl, Dicrotophos, EPN ที่เป็นสารอันตรายร้ายแรงและอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังของกรมวิชาการเกษตรแล้ว ยังมีสารเคมีที่น่ากังวลอีก คือ Methidathion (ยุโรปห้ามใช้แล้ว) ที่พบในผักหลายชนิด พบจากทุกแหล่งซื้อ และมีปริมาณที่ตกค้างสูงมากจนน่ากังวล เช่น ในพริกจินดา ที่พบตกค้างมากเกินค่า MRL ถึง 121 เท่า
ข้อเสนอแนะ
- กรม วิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องดำเนินการควบคุมการส่งเสริมการใช้สารเคมีกำจัด ศัตรูพืชของบริษัทสารเคมีและเกษตรกรให้เข้มงวดเท่าเทียมกับที่มีมาตรการที่ ใช้กับผักส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่ติดตรา Q ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กรมวิชาการเกษตรกำกับอยู่ ทั้งนี้รวมทั้งการยกเลิกการขึ้นทะเบียนและห้ามมิให้มีการใช้สารเคมีกำจัด ศัตรูพืชที่หลายประเทศห้ามใช้แล้วโดยทันที
- สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา กระทรวงสาธารณสุขต้องมีมาตรการในการสุ่มตรวจดูความปลอดภัยของผักและผลไม้โดย อาจประสานความร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาสังคมและองค์กรผู้บริโภค ทั้งนี้โดยทำงานในเชิงรุกร่วมกับห้างขนาดใหญ่ และตลาดสดที่อยู่ภายใต้กำกับของกรุงเทพมหานคร องค์กรท้องถิ่น หรือภาคเอกชน เพื่อให้ผักและผลไม้ภายในประเทศปลอดภัยยิ่งกว่านี้
- ผู้บริโภคและ ประชาชนทั่วไปร่วมกันสนับสนุนและผลักดันเกษตรกรรมอินทรีย์ เกษตรกรรมยั่งยืนซึ่งปฏิเสธและหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชให้เป็น แนวทางหลักของระบบเกษตรและอาหารของประเทศ อีกทั้งร่วมอุดหนุนผักและผลไม้จากระบบการผลิตดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น
- ใน ระยะเฉพาะหน้านี้ ผู้บริโภคอาจสามารถลดผลกระทบจากปัญหานี้ได้โดยการเลือกซื้อหรือบริโภคพืชผัก ที่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชน้อย ผักพื้นบ้าน ผักที่ได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ การลดสารเคมีตกค้างในผักโดยการล้างด้วยน้ำหลายๆครั้งหรือการใช้ด่างทับทิม (อาจไม่ได้ผลเสมอไปเพราะสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหลายชนิดเป็นประเภทดูดซึม) ไปจนถึงการปลูกผักเพื่อบริโภคเอง โดยอาจหาข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องได้จากเว็บไซท์ที่เกี่ยวข้อง
[1] ในการวิเคราะห์นี้ใช้ค่ามาตรฐาน MRL ของสหภาพยุโรปเป็นค่าเปรียบเทียบ