ไทยแพนพบสารพิษตกค้างในผักเกินมาตรฐานถึง 22.5% กะเพราเจอหนักสุด 62.5%

เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือ Thai-PAN ได้แถลงผลการเฝ้าระวังการตรวจสารเคมีกำจัดศัตรูพืชปนเปื้อนในผักที่คนไทยนิยมบริโภคมากที่สุด 10 ชนิด พบสารพิษตกค้างในผักเกินมาตรฐานถึง  22.5% กะเพราเจอหนักสุด 62.5%

กรุงเทพ-26 มีนาคม 2558 ที่ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช มูลนิธิชีววิถี(BIOTHAI) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพได้จัดประชุมวิชาการสารเคมีกำจัดศัตรูพืชประจำปี 2558 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้ นางสาวปรกชล อู๋ทรัพย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯได้เปิดเผยผลการเฝ้าระวังสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในผักว่า ได้เก็บตัวอย่างผักผลไม้ที่คนไทยนิยมบริโภคมากที่สุด 10 ชนิดประกอบไปด้วยคะน้า ผักกาดขาว กะหล่ำปลี แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะพริกแดงกะเพรา กวางตุ้ง และผักบุ้งจีน โดยเก็บตัวอย่างผักจากโมเดิร์นเทรด ซึ่งประกอบไปด้วยห้างเทสโก บิ๊กซี แมคโคร และผักที่มีตราเครื่องหมาย Q รับรอง และจากตลาดสดจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ตลาดไท ปากคลองตลาด สี่มุมเมือง และตลาดบางใหญ่ ปรากฏว่าพบโดยภาพรวมมีผักที่มีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐาน (ค่าเอ็มอาร์แอล) ของกระทรวงสาธารณสุขสูงถึง 22.5%

จากการตรวจสอบพบว่า ผักที่พบการปนเปื้อนมากที่สุดคือกะเพรา พบว่าสารพิษเกินมาตรฐานถึง 62.5% ถั่วฝักยาวและคะน้าพบ 32.5% ผักบุ้งจีน กวางตุ้ง และมะเขือเปราะพบตกค้าง 25% แตงกวาและพริกแดงพบค่อนข้างน้อยคือ 12.5% ส่วนผักกาดขาวปลี และกะหล่ำปลีไม่พบการตกค้างเลย

นางสาวปรกชลได้เปิดเผยว่าแม้จะพบการปนเปื้อนในระดับสูงแต่ผลการตรวจในปีนี้ถือว่าน้อยกว่าในปี 2557 ที่ผ่านมา โดยในปีที่ผ่านมามีการตรวจพบการปนเปื้อนในผักเกินมาตรฐานในห้างโมเดิร์นเทรดและผักที่ได้ตรามาตรฐาน Q สูงถึง 53.33% โดยในปีนี้พบการตกค้างเกินมาตรฐานเพียง 20% ในขณะที่ตลาดสดกลับพบว่ามีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานเฉลี่ย 27.5%โดยตลาดส่วนใหญ่พบตัวอย่างผักที่มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน 30% ในขณะที่ผักที่ปากคลองตลาดมีสารตกค้างเฉลี่ย 20% เท่าๆกับโมเดิร์นเทรด

“การที่ภาคสังคมได้รวมตัวกันเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผักและผลไม้โดยได้เผยแพร่ผลการตรวจ และได้รับความร่วมมือจากสมาคมค้าปลีกและสมาคมตลาดสดไทย ตลอดจนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานมาตรฐานเกษตรและอาหารแห่งชาติ และกรมวิชาการเกษตร โดยได้ประชุมกันหลายครั้งในปีที่ผ่านมา ทำให้มีการแก้ปัญหานี้ในระดับหนึ่ง แต่ในฐานะผู้บริโภคเราคิดว่าตัวเลขการตกค้างของสารพิษในระดับ 22.5% ยังเป็นตัวเลขที่สูงเกินไป”นางสาวปรกชลกล่าว

นายพชร แกล้วกล้า ผู้ประสานงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคความปลอดภัยด้านอาหารภาคประชาชน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซึ่งเป็นพันธมิตรในการดำเนินการเฝ้าระวังได้เปิดเผยการดำเนินการต่อไปว่า “เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจะนัดหมายผู้ประกอบการทั้งสมาคมค้าปลีกไทย สมาคมตลาดสดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)เพื่อหารือการแก้ปัญหาร่วมกัน โดยครั้งนี้จะมีการหยิบยกมาตรการทางกฎหมายมาดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้กระทำความผิดซ้ำซาก เพื่อให้ประชาชนไทยทุกคนได้มีโอกาสบริโภคผักผลไม้ที่ปลอดภัย ไม่ตายผ่อนส่งเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน”