ตามที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะมีการประชุมของคณะกรรมการเพื่อพิจารณายกเลิกและจำกัดการใช้วัตถุอันตราย ในวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการควบคุมวัตถุอันตราย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ได้สรุปข้อมูลและนำเสนอต่อกรรมการวัตถุอันตรายในวันดังกล่าว
เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เกิดจากการรวมตัวกันของภาคประชาชนจาก ๕๐ จังหวัด จำนวน ๓๖๙ องค์กร เพื่อสนับสนุนข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขให้มีการแบนพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส และจำกัดการใช้ไกลโฟเซต และได้ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พบความไม่ชอบมาพากล เป็นไปอย่างไม่โปร่งใส ในกระบวนการพิจารณาการแบนสารพิษดังกล่าว ดังนี้
๑. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการควบคุมวัตถุอันตรายฯ โดยแต่งตั้งตัวแทนจากกระทรวงเกษตรฯและอดีตข้าราชการในกระทรวงนั้นถึง ๔ คน และอีก ๔ คนเลือกจากผู้ที่แสดงจุดยืนสนับสนุนกระทรวงเกษตรฯ จากคณะกรรมการที่มีจำนวน ๑๒ คน
๒. อนุกรรมการเฉพาะกิจฯดังกล่าวเสนอใช้ข้อมูลเก่าล้าสมัย เพื่อโน้มน้าวให้มีการใช้สารพิษร้ายแรงดังกล่าวต่อไป โดยเพิกเฉยต่อข้อมูลเชิงประจักษ์และรายงานใหม่ๆเป็นจำนวนมาก ดังที่เครือข่ายนักวิชาการจากหลายสถาบัน เช่น สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นต้น
๓. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวัตถุอันตรายอย่างน้อย ๓ คนเกี่ยวข้องกับบริษัทค้าสารพิษอันตรายทั้ง ๓ ชนิด
เครือข่ายฯจึงเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายต้องดำเนินการให้
มีการพิจารณาการยกเลิกและจำกัดการใช้สารพิษดังกล่าวโดยต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน และต้องเปิดเผยผลการศึกษาทั้งหมด เช่น ข้อวินิจฉัยส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผลการประชุมของคณะกรรมการวัตถุอันตราย รวมทั้งอนุกรรมการเฉพาะกิจต่อประชาชนและสื่อมวลชน
หากผลการพิจารณาตัดสินใจของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเป็นไปอย่างล่าช้า ไม่โปร่งใส หรือมีการตัดสินใจที่ไม่เป็นไปตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข และประชาคมของนักวิชาการจากหลายสถาบัน ซึ่งได้แถลงอย่างเป็นทางการถึงพิษภัยร้ายแรงของสารพิษดังกล่าวเพื่อสนับสนุนข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษอันตรายร้ายแรงจะใช้สิทธิพื้นฐานในการปกป้องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมโดยจะจัดให้มีการชุมนุมครั้งใหญ่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑