คำแถลงของเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายรายร้ายแรง 686 องค์กร กรณีการกล่าวหา ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา และการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ ในการเปิดเผยข้อมูลพิษภัยของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช

ตามที่บุคคลบางกลุ่มที่มีความสัมพันธ์และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทที่ผลิตและจัดจำหน่ายสารพิษกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส  ซึ่งเป็นสารพิษที่กระทรวงสาธารณสุขและคณะทำงานขับเคลื่อนปัญหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง 4 กระทรวงหลักมีมติให้ยกเลิกการใช้และจำกัดการใช้ ได้กล่าวหาว่า ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา นำข้อมูลเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์และทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงนั้น เครือข่ายเห็นว่าการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ และหากนักวิชาการชั้นนำของประเทศ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาระดับโลก เช่น ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ยังได้รับการคุกคามเช่นนี้  จะมีนักวิชาการผู้ใดกล้าลุกขึ้นมาเปิดเผยความจริงเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนได้อีก ?

เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรงฯ มีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มที่เป็นองค์กรบังหน้าซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยสมาคมของบรรษัทข้ามชาติและผู้ประกอบการค้าสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ข่มขู่ คุกคาม ให้นักวิชาการที่เป็นนักวิจัยดีเด่นของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และเป็นผู้เปิดเผยปัญหาการตกค้างของสารพิษให้ลาออกจากมหาวิทยาลัย เป็นต้น

เครือข่ายฯขอเรียกร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้

1. มหาวิทยาลัยควรมีหน้าที่ในการปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ โดยเฉพาะบุคลากรของมหาวิทยาลัยที่ปกป้องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของประชาชน โดยก่อนการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ควรตั้งคณะทำงานที่ปราศจากผลประโยชน์โดยตรงและโดยอ้อมเพื่อตรวจสอบข้อมูลจากผู้กล่าวหาเสียก่อน เนื่องจากข้อมูลที่อ้างอิงว่า ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เผยแพร่แพร่ข้อมูลเท็จนั้น เป็นข้อมูลที่มีหลักฐานว่ามาจากนักวิชาการ ศูนย์ และสมาคมฯ ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินและการดำเนินงานจากบริษัทที่ค้าสารพิษกำจัดศัตรูพืช

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ควรใช้บทเรียนนี้ในการจัดประชุมทางวิชาการเพื่อให้หน่วยงานของรัฐ สถาบันทางวิชาการ บุคลากรในมหาวิทยาลัยเอง  และประชาชนทั่วไปได้เข้าใจเรื่ององค์กรบังหน้า (front groups) ซึ่งหน้าฉากเป็นองค์กรทางวิชาการ องค์กรเกษตรกร องค์กรภาคประชาสังคม ฯลฯ แต่เบื้องหลังได้รับการสนับสนุนและมีพฤติกรรมปกป้องผลประโยชน์ของบรรษัท โดยอาจมอบหมายให้สถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯ เป็นต้น ในการทำหน้าที่จัดประชุมวิชาการดังกล่าว

2. สนับสนุนบทบาทของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีระกูล ซึ่งได้แถลงว่าจะดำเนินการยกเลิกการใช้สารพิษที่มีความเสี่ยงสูงโดยเร็ว โดยขอเรียกร้องให้มีการยกเลิกสารพิษดังกล่าวตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขและคณะทำงานสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง 4 กระทรวงหลัก ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สภาเกษตรกรแห่งชาติ คณะกรรมการปฎิรูปประเทศด้านสาธารณสุข และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ภายในสิ้นปี 2562 นี้ และในกรณีที่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการ ควรมีบทบาทหน้าที่เฉพาะเรื่องการหาทางเลือกให้แก่เกษตรกรและมาตรการในการสนับสนุนเกษตรกรเป็นสำคัญ ไม่มีเหตุผลใดๆในการตั้งกรรรมการเพื่อศึกษาเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอีก

3. ขอเรียกร้องให้ประชาชน รวมทั้งพรรคการเมืองทุกพรรคที่ประกาศว่าจะแบนสารพิษร้ายแรง ร่วมกันตรวจสอบและติดตามการทำหน้าที่ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งที่ผ่านมาได้เพิกเฉยต่อข้อเสนอให้มีการยกเลิกการใช้สารเคมี  เช่น การลงมติให้อนุญาตให้มีการใช้พาราควอตต่อไป โดยไม่มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ลงมติ เพราะอ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของกรรมการบางคน แทนที่จะคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งแก้ปัญหาผลประโยชน์และบทบาททับซ้อนในคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งมีกรรมการที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดหรือมีผลประโยชน์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมได้รับการแต่งตั้งอยู่ในคณะกรรมการชุดดังกล่าว เป็นต้น

ขอเรียกร้องให้สังคมไทยลุกขึ้นมาสนับสนุนผู้กล้าหาญที่เผยแพร่และเปิดโปงเบื้องหลังของปัญหาสารพิษที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน  ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ เพื่อหลักประกันว่าสังคมไทยจะปลอดภัยจากสารพิษร้ายแรง

29 สิงหาคม 2562

เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง 686 องค์กร